บทความครัวคุณต๋อยอยากบอก6 ก.ย. 67

กินอาหารไม่สุกเสี่ยงเป็น โรคฝีดาษลิง

Share :

กินอาหารไม่สุกเสี่ยงเป็น โรคฝีดาษลิง

กินอาหารไม่สุกเสี่ยงเป็น โรคฝีดาษลิง ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่กำลังระบาดในหลายประเทศทั่วโลก ด้วยอาการที่คล้ายคลึงกับโรคฝีดาษ (Smallpox) แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า การป้องกันและดูแลตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและฟื้นฟูร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะกล่าวถึงวิธีการป้องกันโรคฝีดาษลิง รวมถึงการเลือกกินอาหารที่เหมาะสมเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

อาการของโรคฝีดาษลิงและการวินิจฉัย

อาการของโรคฝีดาษลิงมักเริ่มต้นด้วยไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และอ่อนเพลีย หลังจากนั้นจะมีผื่นขึ้นตามผิวหนัง ซึ่งอาจพัฒนาเป็นตุ่มหนอง โดยทั่วไปโรคนี้จะมีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน การวินิจฉัยโรคฝีดาษลิงมักต้องใช้การตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อ

การกินอาหารไม่สุกอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ได้

เนื่องจากโรคฝีดาษลิงเป็นโรคที่เกิดจากไวรัสซึ่งสามารถพบได้ในสัตว์ป่า เช่น ลิง สัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก และหนู และสัตว์กินเนื้ออื่น ๆ ที่อาจติดเชื้อไวรัสนี้

เหตุผลที่การกินอาหารไม่สุกอาจเสี่ยงต่อโรคฝีดาษลิง

  1. ไวรัสในสัตว์ป่า: สัตว์ป่าบางชนิดเป็นพาหะของไวรัสฝีดาษลิง หากมีการบริโภคเนื้อสัตว์เหล่านี้ที่ติดเชื้อและไม่ได้ปรุงสุกอย่างเพียงพอ ไวรัสอาจไม่ถูกทำลายและสามารถแพร่เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้
  2. การปรุงอาหารที่ไม่เหมาะสม: การปรุงเนื้อสัตว์ที่ไม่สุกหรือไม่ถึงอุณหภูมิที่เหมาะสม อาจไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคหรือไวรัสที่มีอยู่ในเนื้อสัตว์ได้ ดังนั้น การกินเนื้อสัตว์ที่ไม่สุกหรือไม่ผ่านการปรุงอย่างเหมาะสมอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  3. การปนเปื้อนระหว่างการจัดเตรียมอาหาร: หากมีการสัมผัสกับเนื้อสัตว์ป่าที่ติดเชื้อระหว่างการจัดเตรียมอาหาร โดยไม่ล้างมือหรือทำความสะอาดอุปกรณ์ทำครัวอย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่การแพร่เชื้อไวรัสฝีดาษลิงได้

การป้องกันการติดเชื้อจากการกินอาหาร

  • ปรุงอาหารให้สุก: ควรปรุงเนื้อสัตว์ทุกชนิดให้สุกอย่างทั่วถึง โดยให้เนื้อมีอุณหภูมิภายในอย่างน้อย 74 องศาเซลเซียส (165 องศาฟาเรนไฮต์) เพื่อให้มั่นใจว่าเชื้อโรคหรือไวรัสถูกทำลาย
  • หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ป่า: หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ป่าที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบหรือได้รับการอนุญาต เนื่องจากสัตว์ป่าบางชนิดอาจเป็นพาหะของไวรัสหรือเชื้อโรคที่ไม่รู้จัก
  • รักษาสุขอนามัย: ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำหลังจากสัมผัสกับเนื้อสัตว์ดิบ และทำความสะอาดอุปกรณ์ทำครัวอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการปนเปื้อน

การป้องกันโรคฝีดาษลิง

การป้องกันโรคฝีดาษลิงต้องอาศัยการระมัดระวังและการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่กระจายของโรค โดยวิธีการป้องกันหลักๆ มีดังนี้:

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ป่า: สัตว์ป่าบางชนิด เช่น ลิง และสัตว์ฟันแทะ อาจเป็นพาหะของไวรัสฝีดาษลิง ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกินเนื้อสัตว์เหล่านี้ที่ไม่ผ่านการปรุงสุกอย่างถูกต้อง
  • รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล: ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือใช้เจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์ หลังจากสัมผัสกับสัตว์ที่อาจติดเชื้อหรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย
  • การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อสิ่งของเครื่องใช้: ทำความสะอาดสิ่งของที่อาจปนเปื้อนจากผู้ป่วยหรือสัตว์ที่ติดเชื้ออย่างสม่ำเสมอ เช่น เสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน และอุปกรณ์ส่วนตัว
  • การฉีดวัคซีน: วัคซีนฝีดาษ (Smallpox vaccine) สามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้เช่นกัน ควรพิจารณาการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ เช่น บุคลากรทางการแพทย์

การติดเชื้อโรคฝีดาษลิงเป็นปัญหาที่ต้องให้ความใส่ใจ เนื่องจากไวรัสสามารถแพร่กระจายจากสัตว์ป่ามาสู่คนได้ การรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้ผ่านการปรุงสุกอย่างเพียงพอจะเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อได้ เพราะไวรัสอาจยังคงอยู่ในอาหารที่ไม่สุก การปรุงเนื้อสัตว์ให้สุกทั่วถึง หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ป่าที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ และรักษาความสะอาดของมือและอุปกรณ์ทำครัวเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยง