วิธีกินแก้วมังกรให้ได้ประโยชน์
ผลไม้ โภชนาการเยอะ ต้องรู้ “วิธีกินแก้วมังกรให้ได้ประโยชน์”
แก้วมังกรมีทั้งเนื้อสีขาว เนื้อสีแดง เนื้อสีเหลือง ซึ่งให้คุณค่าทางสารอาหารไม่ต่างกันมากนัก แต่ที่โดดเด่นก็คือแบบเนื้อสีแดงจะมี มีสารไลโคปีน และเบตาไซยานิน ที่เป็นสารในกลุ่มเบตาเลน ล้วนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด แนะนำให้รับประทานสีขาวที่มีรสหวานน้อยกว่า
1 แก้วมังกรมีทั้งเนื้อสีขาว เนื้อสีแดง เนื้อสีเหลือง ซึ่งให้คุณค่าทางสารอาหารไม่ต่างกันมากนัก แต่ที่โดดเด่นก็คือแบบเนื้อสีแดงจะมี มีสารไลโคปีน และเบตาไซยานิน ที่เป็นสารในกลุ่มเบตาเลน ซึ่งมักพบในพืชสีแดง ล้วนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี จึงส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด แนะนำให้รับประทานสีขาวที่มีรสหวานน้อยกว่า
2 ควรรับประทานแก้วมังกรที่สุกเต็มที่ซึ่งจะมีรสชาติหวานอร่อยและให้คุณค่าทางสารอาหารดีที่สุด วิธีเลือกซื้อก็คือ มองหาแก้วมังกรที่มีเปลือกสีแดงชมพู ไม่มีสีเขียวปน ผิวเปลือกเต่งตึง ไม่มีจุดสีน้ำตาลแห้ง ไม่มีรอยฟกช้ำ ตรงกลีบควรเป็นสีแดง มีสีเขียวไม่มาก เมื่อกดที่เปลือกเบา ๆ จะรู้สึกนิ่มเล็กน้อย แต่ถ้ากดแล้วนิ่มเกินไปแสดงว่าสุกเกินไป เนื้อสัมผัสจะไม่ค่อยดี
3 แม้ว่าแก้วมังกรสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 5-7 วัน แต่แนะนำให้รับประทานทันทีที่ซื้อมาจะดีกว่า เพื่อให้ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดีที่สุด อีกทั้งสารอาหารต่าง ๆ ยังไม่สูญสลายไปตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ยกเว้นว่าแก้วมังกรที่ซื้อมายังไม่นิ่มมาก แสดงว่ายังไม่สุกดี ก็สามารถรอสัก 2-3 วัน เพื่อให้แก้วมังกรสุกเต็มที่ค่อยรับประทาน
4 นอกจากจะเคี้ยวเนื้อแก้วมังกรแล้ว ให้เคี้ยวเมล็ดสีดำให้แตกด้วย เพราะในเมล็ดเล็กมีสารอาหารที่สำคัญอยู่หลายชนิด ทั้งไฟเบอร์ที่ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย และยังอุดมไปด้วยไขมันดี อย่างกรดไขมันลิโนเลนิกในกลุ่มโอเมก้า 3 และกรดไขมันไลโนเลอิกในกลุ่มโอเมก้า 6 ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้คอเลสเตอรอลไปสะสมที่ผนังหลอดเลือด จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ หากเราเคี้ยวเมล็ดก็จะช่วยสลายเปลือกเมล็ดให้แตกออก ทำให้สารอาหารสามารถดูดซึมไปใช้ได้มากขึ้น